Saturday, September 20, 2008

พืชผักที่ดีต่อสุขภาพ

7 พืชผักที่ดีต่อสุภาพสตรีโดยตรง

ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้ประโยชน์ของผลไม้หรือผักว่ามีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่เชื่อไหมว่า ผลไม้บางชนิด มีแร่วิตามินและแร่ธาตุที่พิเศษแตกต่างกันออกไป มีพืชผักผลไม้อยู่ 7 ชนิด ที่มีผล "โดยตรง" กับสุขภาพของ "ผู้หญิง" มีดังนี้ค่ะ

ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญลูกพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือดและธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย

ถั่ว : อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งมีในถั่วมาก) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ความอยากอาหารจะลดลง แต่ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากด้วย จึงไม่เหมือนไฟเบอร์อื่นๆ ที่ไม่ให้สารอาหารที่มีคุณค่ากับร่างกาย นั่นทำให้ผู้หญิงรูปร่างดีโดยที่ไม่ขาดสารอาหารด้วย

บรอคโคลี : เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนนุ่มมีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว แถมยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้

กล้วย : ในกล้วยไข่มีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุเลย 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมของร่างกายเริ่มมาเยือนช้าๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อร่างกายเสื่อมสภาพ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระก็ลดลงอย่างตกใจ ดังนั้นสาวๆ ควรสนใจรับประทานกล้วย โดยเฉพาะกล้วยไข่ให้มากขึ้นก็จะยอดมาก!

ฝรั่ง : เชื่อหรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีนี้มีบทบาทในการสร้าง "คอลลาเจน"ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่น ไม่หย่อนยานก่อนวัย

แอปเปิ้ล : มีสารอาหารที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ "เพคติน" ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดคอเลสเตอรอล ยามใดก็ตามที่หิวจนกินช้างหมดตัวได้ กินแอปเปิ้ลสักลูกจะดีกว่ามากๆ เลย (จริงๆ นะ)

ส้ม : แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติอันอุดม รู้ไหมว่า การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง เพราะจะทำให้อิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว

เคล็ดลับรักษาผิวสาว

5 เคล็ดลับรักษาผิวสาว

เคล็ดลับสำหรับสาวๆ ที่อยากผิวสวย หุ่นดี สุขภาพดีจากข้างในสู่ภายนอก วันนี้เรามีเคล็ดลับสำหรับสาวๆ มาให้ลองทำค่ะ

1. ทาครีมกันแดด
่ผู้รู้เขาบอกว่า 80 % ของการเสื่อมของผิวหนังเกิดจากแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด
ริ้ว รอย เหี่ยวย่น เนื่องจากจะทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติคทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นได้ แต่อยู่เมืองไทยจะเลี่ยงไม่ให้โดนแดดกันเลย ก็เห็นจะยาก จึงควรทาครีมปกป้องใบหน้าและลำคอเป็นประจำทุกวัน ครีมกันแดดที่ใช้ควรมีค่า SPF 15 ขึ้นไปส่วนการขับรถในที่แดดจ้า โดยไม่สวมแว่นกันแดด ทำให้คุณต้องหยีตากันคลอดเวลา ก็ทำให้รอยตีนกามาเยือนได้ง่าย ๆ รวมทั้งการเผลอทำหน้านิ่วคิ้วยุ่งๆอยู่บ่อยๆ ก็เป็นที่มาของริ้วรอยทั้งสิ้น

2. ท่านอนทำให้เกิดริ้วรอย
ผู้ เชียวชาญด้านผิวพรรณ บอกว่า ในช่วง 6-8 ชั่วโมง ของการนอนในแต่ละวัน มีผลทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ใบหน้าด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอน เกิดริ้วรอยมากกกว่าอีกด้าน ยิ่งพวกที่ชอบเอามือก่ายหน้าผาก ก็ยิ่งทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเปลี่ยนมานอนหงายแทนหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม และใช้ปลอกหมอนเนื้อผ้าลื่นๆ อย่างผ้าซาติน จะสามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้

3. กินอาหารดีๆ
อาหาร ที่ดี มีประโยชน์ และครบหมวดหมู่ จะช่วยให้ผิวพรรณสดใสได้ โดยเฉพาะวิตามินเอ ซีและอี ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว และอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ วันละ 6-8 แก้ว ส่วนบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกฮอล์เป็นตัวการสำคัญที่บ่อนทำลายผิวหนังให้ เสื่อมก่อนวัยอันควร

4. อดนอน ริ้วรอยมาเยือน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากทำให้สุขภาพทรุดโทรมแล้ว ใบหน้าก็ดูหมองคล้ำ อิดโรย และถ้าคุณอดนอนบ่อย ๆจะทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัย

5. รู้จักผ่อนคลาย
ความ เครียดที่ไม่มีโอกาสผ่อนคลาย เปิดโอกาสให้สิวจู่โจมได้ง่ายๆถ้าไม่อยากให้เกิดสิว ซึ่งพลอยทำให้ใบหน้าไม่สดใส ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด การทำจิตใจให้สงบโดยการทำสมาธิ การฟังเพลงสบายๆ ชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัว ให้เวลากับสุนัขของคุณ ก็ช่วยคลายเครียดได้

สูตรหน้าใสด้วยตัวเอง

ก้าว สู่ปีใหม่ที่เราจะสวยงามยิ่งๆ ขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นไป 1 ปีก็ตาม เราได้สรรหาสูตรบำรุงผิวหน้า ให้สวยใส ซึ่งทำได้ง่ายๆ และส่วนผสมก็หาได้ในครัวนี่เอง

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า
ล้าง หน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
นำ แอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
เตรียม โยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
ผสม โยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัดๆ ถูๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี

ดื่มน้ำรักษาโรค

วารสารทางการแพทย์ บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ความเข้มของโลหิตยังสูงและมีผลต่อระบบ ความดันโลหิตในร่างกาย แพทย์แนะนำว่าทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็คือ ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน


เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำ

น้ำหนักตัว ของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำ อันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้ สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้

นาย แพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี ตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ 1.26 ก.ก.เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียว จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อย หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้ หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลัง กาย เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

ใน ระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ส่งไปให้เพื่อนฝูง เพื่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ ควรจะเผยแพร่ให้มากขึ้น ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าและทดลอง" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ให¬ญ่ผลิตโลหิตใหม่ มากขึ้น ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ให¬ญ่ซึ่งทำ หน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็นเม็ดโลหิต เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจางมีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของใหญ่¬่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็น โลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่างๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนได้ผ่านการทดลองและประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน

วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้ คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ

ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มมาแล้ว
1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่าเคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าวว่าตอนที่อายุ 20ปี กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปี ได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ได้ผล ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดื่มน้ำสุกอย่างนี้ ตื่นแต่เช้าหน้าไม่ล้าง ปากไม่บ้วน ดื่มน้ำสุก 5 แก้วทุกๆ วัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นายแพทย์สั่งเสร็จก็กลับไปโดยไม่ให้ยาไปกิน วันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมงปัสสาวะ 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้วๆ มาวันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มากต่อจากนั้นสามเดือนน้ำหนักตัว เพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้ปฏิบัติดื่มน้ำมายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น

2 เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุกวัน ไม่นานเยื่อสมองที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรคหัวใจและเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำได้ 15 วัน โรคหัวใจ โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้สองเดือนน้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำ นวดไฟฟ้า และรักษาด้วยวิธีเข็มแทงแบบหมอจีนก็ไม่หาย แต่เวลานี้หายไปหมดแล้วจากการดื่มน้ำ

3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้ายสักหลาดในลำไส้ผลิตโลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมาจากไหน แต่ธาตุต่างๆ จะต้องมาจากอาหารอย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมากกลายเป็นของเหลว เมื่อลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่างๆ เสร็จก็จะส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่ทวารหนักซึ่งเป็นของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับ ร่างกาย

4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ 1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้องเป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3 เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือน เห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้นเป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์เดียวก็หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต

ผู้ ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีก ก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้วไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้หรือออกกำลังสัก 20นาที คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน การถ่ายท้องจะเป็นปกติภายใน 7 - 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแค่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้ จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ

Tuesday, July 1, 2008

สมุนไพรบำรุงเส้นผม

สมุนไพรบำรุงเส้นผม

อัญชัน ในอัญชันมีสารแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารด้านอนุมูลอิสระ ที่พบมากในพืชที่ให้ดอกสีแดง สีน้ำเงิน หรือสีม่วง มีคุณสมบัติกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เมื่อนำอัญชันมาบดละอียด แล้วนำน้ำคั้นที่ได้มาชโลมศีรษะ จะช่วยให้โลหิตไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงที่รากผมได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เส้นผมดกดำแข็งแรงและเป็นเงางาม

มะกรูด เพียงนำมะกรูดมาคั้นเอาแต่น้ำ ขยี้ให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็ช่วยขจัดรังแคได้ แต่ถ้าต้องการให้ผมดกดำก็นำมะกรูด 1 ผลมาบีบเอาน้ำผสมกับหัวกะทิ คนให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วศรีษะ นำผ้าอบร้อนๆมาโพกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

มะพร้าว ช่วยรักษาผมแห้งแตกปลายและทำให้ผมนิ่ม ด้วยการนำเนื้อมะพร้าวขูดคั้นเป็นน้ำกะทิ จากนั้นจึงเคี่ยวให้ได้เป็นน้ำมันมะพร้าว ใช้นวดผมประมาณ 15 นาที

(วิธีนี้ทำเองจะมีกลิ่นหืนนิดๆนะครับ เดี๋ยวนี้เขามีน้ำมันมะพร้าวออกมาขายแล้วไม่มีกลิ่นหืนมีแต่กลิ่นมะพร้าวกลิ่นคล้ายวนิลา หาซื้อได้ตามร้านแหล่งสปาทั่วไป)

มะขามเปียก ทำให้รากผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย โดยนำมะขามเปียกแช่ในน้ำอุ่นๆ พอมะขามพองตัวออกเป็นเมือก แล้วขยำเนื้อมะขามกับน้ำให้เข้ากันดี ระวังอย่างให้เหลวใสเกินไป หลังสระผมสะอาดดีแล้ว ก็นำน้ำมะขามเปียกข้นๆมานวดหนังศีรษะและเรือนผมให้ทั่ว โพกทับด้วยผ้าขนหนูอุ่นจัดๆราว 15-30 นาทีจึงล้างออก

งา นับเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่ช่วยในเรื่องของเส้นผม เพราะช่วยให้สภาพผมที่แห้งเลียกลับมามีน้ำหนักและเป็นเงางามขึ้น เพียงนำมะกรูด 2-3 ผลมาคั้นน้ำ ผสมกับน้ำมันงาประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะให้เข้ากันดี ชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักไว้สักครึ่งชั่วโมงแล้วจึงสระออกตามปกติ

ตะไคร้ นำน้ำตะไคร้มาตวดหลังสระจะช่วยขจัดรังแค แก้ปัญหาผมแตกปลาย และช่วยให้เส้นผมดกดำขึ้น

ส้มป่อย นำใบส้มป่อยต้มกับน้ำแล้วใช้สระผม ซึ่งส้มป่อยจะช่วยให้เรือนผมสะอาด หวีง่าย ดกดำเป็นเงางาม รวมทั้งช่วยขจัดรังแคและบำรุงหนังศีรษะอีกด้วย

ขิง ช่วยบรรเทาอาการหลุดร่วงของเส้นผม และเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยนำขิงสดทั้งเหง้ามาอังไฟให้อุ่นจัดๆ แล้วฝานเป็นชิ้นเล็ก ตำให้ละเอียด นำไปพอกบริเวณที่ผมร่วงมาก

ว่านหางจระเข้ ช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางาม เพียงนำวุ้นใสๆ ที่ได้จากว่านหางจระเข้มาล้างน้ำสะอาด ปั่นจนเป็นน้ำกรองด้วยผ้าขาวบางแล้วนำมานวดผม ทิ้งไว้ 10-15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ผักบุ้ง นำใบและลำต้นมาต้มกับน้ำ หลังจากที่สระผมเสร็จแล้วชโลมศีรษะด้วยน้ำผักบุ้งทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น๐ จะทำให้เส้นผมนิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกทางหนึ่งด้วย

มะนาว ช่วยคืนความเงางามให้กับเส้นผม ด้วยการนำมะนาวครึ่งลูก (หรือน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ) ใส่บงในน้ำเย็น 1 ลิตร ผสมให้เข้ากันชโลมให้ทั่วศีรษะหลังจากสระผมเรียบร้อยแล้ว

เบียร์ ช่วยให้เส้นผมที่เคยอ่อนแอกลับแข็งแรง เพียงนำเบียร์ 1 ถ้วยผสมกับน้ำ 3 ถ้วย ชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออก

โยเกิร์ต โปรตีนและเอนไซม์จากนมทำให้เส้นผมนุ่มสลวย โดยใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยหมักผมให้ทั่ว และโพกศีรษะด้วยผ้าขนหนูอุ่นๆ ทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นจึงล้างออกให้สะอาด

ไข่ไก่ มีมากมายหลายสูตรที่ทำให้เส้นผมนุ่มสลวย (โฮ่..3 สูตรเชียว อันนี้ยาวอ่ะครับ ขี้เกียจพิมพ์) พิมพ์แบบย่อๆ : ไข่ไก่ผสมมะนาว, ไข่ไก่ผสมเบียร์, ไข่ไก่ผสมน้ำมันมะกอก

สมุรไพรบำรุงผิวกาย

มะนาว ช่วยให้ผิวเกลี้ยงเกลาและนุ่มเนียน โดยเฉพาะบริเวณที่แห้งแตกอย่างส้นเท้า เพียงนำเปลือกมะนาวติดเนื้อมาข้ดถูผิวกายให้ทั่วเท่านั้น

ขมิ้นช้น นำผงขมิ้นมาทาตัวเพื่อให้มีสีเหลืองทอง ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ผุดผ่อง

ขิง ช่วยขัดเซลล์ผิวกายที่ตายแล้วให้หลุดออก ผิวจึงสะอาดและเกลี้ยงเกลาขึ้น โดยการนำขิงกลางแก่ 1 เหง้าใหญ่ใส่เครื่องบดๆให้ละเอียด ผสมเบกกิงโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วนำไปทาผิว

มะขามเปียก ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี โดยนำน้ำมะขามเปียกผสมน้ำอุ่นและนมสดคนให้เข้ากัน นำมาพอกบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ช้อศอก ฝ่ามือ ฯลฯ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง และนมสดจะช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มได้

มังคุด การนำเปลือกมังคุดมาต้มน้ำอาบจะช่วยลดกลิ่นกาย และชำระสิ่งสกปรกบนผิวหนัง ทั้งยังลดอาการอักเสบบริเวณที่เป็นตุ่มคันหรือสิวได้อีกด้วย